อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไต: เมนูไทยที่ลดโซเดียมและฟอสฟอรัส

อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไต-เมนูไทยที่ลดโซเดียมและฟอสฟอรัส

“อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไต: เมนูไทยที่ลดโซเดียมและฟอสฟอรัส”

เข้าใจโรคไต กับ “อาหาร” ที่ส่งผลมากกว่าที่คิด

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับแนวโน้มผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลของสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย พบว่าในปี 2566 มีผู้ป่วยไตเรื้อรังกว่า 8 ล้านคน และในจำนวนนี้มีผู้ที่เข้าสู่ระยะฟอกไตหรือปลูกถ่ายไตมากกว่า 100,000 ราย ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เร่งให้โรคไตแย่ลงก็คือ “พฤติกรรมการบริโภค” ที่สะสมมาตลอดหลายปี

หลายคนอาจจะคิดว่าโรคไตเกิดจาก “กินเค็มจัด” เพียงอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริง ระบบไตของเราทำงานหนักกับสารอาหารอีกหลายกลุ่ม เช่น โซเดียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และโปรตีนบางประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือมีภาวะไขมันในเลือดร่วมด้วย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคไตเช่นกัน

ทำไม “โภชนาการ” จึงสำคัญมากในผู้ป่วยไต?

หน้าที่ของไตในร่างกายคือการกรองของเสีย ควบคุมสมดุลเกลือแร่และน้ำ เมื่อไตเริ่มเสื่อมสมรรถภาพ การจัดการกับ “สารตกค้าง” หรือของเสียในร่างกายจึงทำได้ไม่เต็มที่ การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสมจึงยิ่งเป็นการเพิ่มภาระให้กับไต ส่งผลให้โรคทรุดเร็วขึ้น หรือเข้าสู่ระยะที่ต้องฟอกไตเร็วกว่าเดิม

การกินที่ดี จึงไม่ได้เป็นแค่เรื่องของการ “ควบคุม” แต่ยังเป็นการ “ช่วยเหลือไต” ให้ทำงานน้อยลง และยืดอายุของอวัยวะสำคัญนี้ให้นานที่สุด

กลุ่มสารอาหารที่ควรใส่ใจ

  1. โซเดียม (Sodium)
    พบในเกลือ น้ำปลา ซีอิ๊ว ซอสปรุงรสต่างๆ รวมถึงอาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก ลูกชิ้น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ฯลฯ

    • โซเดียมสูงทำให้ไตทำงานหนักขึ้น ควบคุมความดันได้ยาก และบวมง่าย
  2. ฟอสฟอรัส (Phosphorus)
    พบมากในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ อาหารทะเล นม ถั่ว เมล็ดพืช รวมถึงวัตถุเจือปนอาหาร เช่น สารทำให้เนื้อนุ่ม

    • ผู้ป่วยโรคไตมีความสามารถในการขับฟอสฟอรัสได้น้อย จึงเสี่ยงต่อภาวะกระดูกบางและหลอดเลือดแข็ง
  3. โพแทสเซียม (Potassium)
    พบในผลไม้ เช่น กล้วย ส้ม มะละกอ ลิ้นจี่ และผักบางชนิด เช่น ผักโขม ผักบุ้ง ฟักทอง

    • หากสะสมในร่างกายมากเกินไป อาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ และเป็นอันตรายได้
  4. โปรตีน
    ต้องควบคุมให้พอเหมาะ เพราะหากรับมากเกินไป จะเกิดของเสียจากการเผาผลาญ เช่น ยูเรีย ที่ไตต้องกรองออก

    • สำหรับผู้ป่วยระยะเริ่มต้น อาจยังสามารถกินโปรตีนได้ตามคำแนะนำ แต่ในระยะท้ายควรได้รับการควบคุมอย่างใกล้ชิดจากนักโภชนาการ

อาหารไทย – อร่อยได้ ไม่จำเป็นต้องเสี่ยง

ข้อดีของอาหารไทยคือ “ความหลากหลาย” เรามีเครื่องเทศ ผัก สมุนไพร และวัตถุดิบที่สามารถปรับสูตรให้เหมาะกับผู้ป่วยไตได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ซอสปรุงรสหนัก ๆ หรือส่วนผสมที่ทำให้ไตทำงานลำบาก เช่น น้ำปลา ซีอิ๊ว หรือกะปิ

หลายเมนูสามารถปรับสูตรได้ เช่น

  • ผัดกะเพรา: ใช้เครื่องเทศแท้ ๆ ไม่ใส่น้ำปลา
  • แกงเลียง: ใช้ผักโพแทสเซียมต่ำ เช่น บวบ ฟักเขียว แทนฟักทอง
  • ต้มยำ: ใช้สมุนไพรอย่างข่า ตะไคร้ มะกรูดแทนเครื่องปรุงสำเร็จรูป

เมนูไทยจึงสามารถเป็น “มื้อสุขภาพ” ที่ดีต่อไตได้จริง หากเข้าใจหลักการเลือกวัตถุดิบและการปรุงอาหารที่เหมาะสม

หลักการเลือกอาหารที่ลดโซเดียมและฟอสฟอรัสในเมนูไทย

เมนูไทยที่คุ้นเคยของเรานั้น หากปรุงด้วยเครื่องปรุงแบบดั้งเดิม มักมีปริมาณโซเดียมและฟอสฟอรัสแฝงอยู่สูงโดยไม่รู้ตัว เช่น น้ำปลา ซีอิ๊วดำ เต้าเจี้ยว กะปิ หรือแม้แต่อาหารแปรรูปที่หลายคนมองว่า “ไม่เค็มเท่าไร” ก็อาจทำให้ระดับโซเดียมพุ่งสูงเกินคำแนะนำในแต่ละวันได้อย่างง่ายดาย

เพื่อให้อาหารไทยยังคงรสชาติอร่อย แต่ปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยโรคไต เราจึงต้องมี “แนวทางในการเลือกวัตถุดิบ” และ “ปรับรูปแบบการปรุง” ดังนี้

🔹 หลักการลดโซเดียมอย่างได้ผล

  1. หลีกเลี่ยงเครื่องปรุงเค็มจัดทุกชนิด เช่น น้ำปลา ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ
  2. งดอาหารแปรรูป เช่น ลูกชิ้น แฮม ไส้กรอก ปลากระป๋อง ที่มีโซเดียมซ่อนอยู่
  3. ใช้น้ำสกัดผักหรือสมุนไพรแทนน้ำซุปก้อน ซึ่งมักมีผงชูรสและโซเดียมสูง
  4. หันมาใช้เครื่องเทศและสมุนไพรไทย เช่น กระเทียม พริก ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด เพื่อชูรสแทนการพึ่งเกลือ
  5. ใช้น้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูเล็กน้อยเพิ่มรสเปรี้ยว เพื่อให้รสชาติกลมกล่อมขึ้น โดยไม่ต้องเติมเกลือ

📝 เคล็ดลับ: หากต้องการใช้เครื่องปรุง ให้เลือกสูตรโซเดียมต่ำ และใช้ในปริมาณน้อยที่สุด เช่น

  • ซอสถั่วเหลืองสูตรลดโซเดียม
  • น้ำปลาสูตรโซเดียมต่ำ
  • หรือใช้ “ซอสสุขภาพ” ที่ไม่มีเกลือและน้ำตาลแฝง

🔹 ฟอสฟอรัส ซ่อนอยู่ตรงไหน?

ฟอสฟอรัสไม่ได้พบแค่ในเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นมเท่านั้น แต่ยังแฝงอยู่ในวัตถุดิบและเครื่องปรุงที่ผ่านกระบวนการแปรรูป เช่น:

  • เนื้อสัตว์หมัก (หมูหมัก/ไก่หมัก)
  • เต้าเจี้ยว น้ำพริก
  • ซุปก้อน/ผงปรุงรส
  • ขนมปังโฮลวีตบางชนิด หรือเบเกอรี่ที่เติมสารช่วยขึ้นฟู

👩‍🍳 แนวทางในการควบคุมฟอสฟอรัสในอาหาร:

  • เลือกใช้เนื้อสัตว์สด ไม่หมัก ไม่แช่แข็ง
  • เลี่ยงการปรุงด้วยซอสที่มีส่วนผสมของวัตถุเจือปนอาหาร (E-number เช่น E338 – ฟอสเฟต)
  • เน้นการใช้โปรตีนจากไข่ขาวในบางมื้อ เพราะให้โปรตีนที่ดีโดยไม่เพิ่มฟอสฟอรัสมาก

🔹 เลือกวัตถุดิบอย่างไรให้เป็นมิตรกับไต?

ประเภทวัตถุดิบ

แนะนำให้ใช้ ควรหลีกเลี่ยง

เนื้อสัตว์

ไก่บ้าน, ปลาเนื้อขาว, ไข่ขาว หมูหมัก, ปลาเค็ม, ไก่ทอดแช่แข็ง
ผัก ฟักเขียว, แตงกวา, แตงร้าน, บวบ

ผักโขม, ฟักทอง, มะเขือเทศเข้ม

เครื่องปรุง

สมุนไพรไทย, มะนาว, กระเทียม

น้ำปลาธรรมดา, ซีอิ๊วดำ, ผงชูรส

ข้าว

ข้าวขาว, ข้าวกล้องบางส่วน ข้าวเหนียว, โจ๊กกึ่งสำเร็จรูป
ผลไม้ แอปเปิ้ล, แก้วมังกร, แตงโม

กล้วย, มะละกอ, ส้ม

โภชนาการแบบ “ลดแต่ไม่ลำบาก”

การกินอาหารไทยแบบลดโซเดียมและฟอสฟอรัสไม่ได้หมายถึงการต้องตัดรสชาติความอร่อยออกไปหมด — กลับกัน เมื่อเรารู้จักเลือกวัตถุดิบและใช้สมุนไพรไทยอย่างสร้างสรรค์ ก็จะได้อาหารที่รสชาติดี กลมกล่อม และยังปลอดภัยต่อไตอีกด้วย

เมนูอาหารไทยที่ลดโซเดียมและฟอสฟอรัส – อร่อยได้ ปลอดภัยด้วย

การสร้างสรรค์เมนูอาหารไทยสำหรับผู้ป่วยโรคไตโดยเน้นลดโซเดียมและฟอสฟอรัส ไม่ได้หมายความว่าเราต้องกินอาหารจืดชืดเสมอไป เพราะจริง ๆ แล้ว อาหารไทยเป็นครัวที่มีศักยภาพสูงในการปรับสูตรให้สุขภาพดี ด้วยรากฐานของสมุนไพร วัตถุดิบสด และความเข้าใจเรื่องรสชาติที่หลากหลาย

นี่คือเมนูที่เราคัดสรรมาให้เหมาะกับผู้ป่วยโรคไตระยะ 1–3 โดยคำนึงถึงปริมาณโซเดียมและฟอสฟอรัส พร้อมแนวทางปรับสูตรอย่างชาญฉลาด:

🍲 1. แกงเลียงฟักเขียวใส่เห็ด

  • ปรับสูตร: ใช้เห็ดฟางหรือเห็ดนางรมหลวงแทนเห็ดหอม (ลดฟอสฟอรัส)
  • รสชาติ: ใช้ข่า ตะไคร้ ใบแมงลัก และกระชายเป็นหลัก แทนการใช้ซุปก้อน
  • โปรตีน: เติมไข่ขาวเล็กน้อยเพื่อเพิ่มคุณค่า

🥗 2. ยำแตงกวาไข่ขาว

  • ปรับสูตร: ใช้น้ำมะนาว + พริกขี้หนู + กระเทียมแทนน้ำยำสำเร็จ
  • งดน้ำปลา: ใช้ซอสสุขภาพสูตรไม่มีเกลือ
  • เน้นผักน้ำเยอะ ลดโพแทสเซียม

🥘 3. ข้าวต้มปลาเนื้อขาว

  • เลือกปลา: ปลาช่อนหรือปลาเนื้อขาวที่มีฟอสฟอรัสต่ำ
  • น้ำซุป: ต้มน้ำซุปเองจากหัวไชเท้า ไม่ใช้ผงปรุงรส
  • ไม่ใส่ซีอิ๊วหรือน้ำปลา ให้ใช้กระเทียมเจียวเล็กน้อยช่วยชูรส

🍚 4. ผัดผักรวมมิตรสูตร Low Sodium

  • เลือกผัก: บวบอ่อน ฟักเขียว กะหล่ำปลี
  • ใช้น้ำมันรำข้าว ผัดกับกระเทียม และเติมซอสสูตรไม่มีเกลือ
  • เสริมโปรตีน: เพิ่มไข่ขาว 1 ฟอง

🫕 5. แกงส้มดอกแคกุ้ง (ไม่ใส่น้ำปลา)

  • ใช้เครื่องแกงทำเองจากพริกสด หอมแดง กระชาย
  • ลดเค็ม: ไม่ใส่น้ำปลา แต่ใช้น้ำมะขามเปียกและน้ำตาลเล็กน้อย
  • เลือกกุ้งสดไม่หมัก

🍛 6. ไข่ตุ๋นใส่บวบ

  • ใช้ไข่ขาว 2 ฟอง + ไข่แดง ½ ฟอง
  • เติมบวบหั่นบางและแครอท (ลวกก่อนเพื่อลดโพแทสเซียม)
  • ใช้น้ำซุปจากฟักต้มหรือหัวไชเท้า

🥬 7. สลัดผักไทยน้ำยำสมุนไพร

  • ใช้ผักสดที่โพแทสเซียมต่ำ เช่น ผักกาดแก้ว แตงกวา
  • น้ำยำทำจากน้ำมะนาว + พริกตำ + น้ำตาลนิดหน่อย
  • ใส่ไข่ขาวหั่นเต๋า หรืออกไก่ต้มฉีก

🍢 8. ไก่ผัดขิงไร้โซเดียม

  • ใช้อกไก่ลอกหนัง ผัดกับขิงซอย พริกหวาน หอมหัวใหญ่
  • ปรุงด้วยน้ำมันงา + ซอสสุขภาพ ไม่มีเกลือ
  • เสิร์ฟกับข้าวขาวหุงนุ่ม

🧄 9. เห็ดผัดน้ำมันงา

  • ใช้เห็ดนางฟ้า/เห็ดฟาง
  • ผัดกับกระเทียมเล็กน้อย น้ำมันงา และพริกหยวก
  • เสิร์ฟพร้อมข้าวสวย (ขัดขาว ลดฟอสฟอรัส)

🫓 10. แครอทลวกจิ้มน้ำจิ้มแจ่วโซเดียมต่ำ

  • แครอทลวกกินเล่น แทนของว่าง
  • น้ำจิ้มทำจากน้ำมะนาว + พริก + ข้าวคั่ว + ซอสโซเดียมต่ำ

💡 หมายเหตุ: เมนูเหล่านี้เหมาะกับผู้ป่วยไตระยะ 1–3 ที่ยังสามารถควบคุมอาหารด้วยตัวเองได้
หากอยู่ในระยะ 4–5 หรืออยู่ในช่วงฟอกไต ควรปรึกษานักกำหนดอาหารก่อนเสมอ เพราะความต้องการของร่างกายแตกต่างกันในแต่ละบุคคล

การบริหารปริมาณโปรตีน โซเดียม และฟอสฟอรัสในชีวิตประจำวัน

แม้ว่า “การปรับเมนู” จะเป็นหัวใจสำคัญในการดูแลผู้ป่วยโรคไต แต่ความสำเร็จที่แท้จริงในการดูแลสุขภาพไตนั้น อยู่ที่ “การบริหารโภชนาการ” ในทุกมื้อ ทุกวัน อย่างสมดุล และต่อเนื่อง

เพราะสารอาหารแต่ละอย่างที่เกี่ยวข้องกับไต ไม่ได้ส่งผลแค่ระยะสั้น แต่ส่งผลสะสมต่อการทำงานของไตอย่างมีนัยสำคัญ

🔬 โซเดียม: ตัวร้ายที่คุ้นเคย

โซเดียม มากเกินไปคือศัตรูตัวฉกาจของคนเป็นโรคไต เพราะมันดึงน้ำเข้าสู่หลอดเลือด เพิ่มความดันโลหิต และเร่งการเสื่อมของไต

  • คนทั่วไปควรบริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม/วัน
  • แต่สำหรับผู้ป่วยโรคไต ควรอยู่ที่ 1,000–1,500 มิลลิกรัม/วัน เท่านั้น
  • แค่ “น้ำปลาหนึ่งช้อนโต๊ะ” ก็มีโซเดียมเกือบ 1,400 มิลลิกรัมแล้ว

🔸 คำแนะนำ:

  • หลีกเลี่ยงน้ำปลา ซีอิ๊ว ผงปรุงรสทั่วไป
  • ใช้ “เครื่องปรุงรสโซเดียมต่ำ” หรือ “สูตรไม่มีเกลือ”
  • ใช้สมุนไพรอย่างข่า ตะไคร้ พริกสด แทนการปรุงเค็ม

⚖️ ฟอสฟอรัส: แร่ธาตุที่ต้องจับตามอง

ฟอสฟอรัสคือแร่ธาตุที่คนส่วนใหญ่ไม่ทันระวัง
แต่สำหรับคนไตเสื่อม เมื่อขับออกไม่ได้ ฟอสฟอรัสจะสะสมและทำให้

  • กระดูกบาง
  • คันผิวหนัง
  • และเพิ่มความเสี่ยงของ โรคหัวใจ

🧀 แหล่งฟอสฟอรัสที่ควรระวัง:

  • โปรตีนสัตว์ (โดยเฉพาะอวัยวะภายใน)
  • นมและผลิตภัณฑ์นม
  • ผงฟูในเบเกอรี่
  • อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก ลูกชิ้น ขนมขบเคี้ยว

🔸 คำแนะนำ:

  • จำกัดฟอสฟอรัสเหลือ ไม่เกิน 800–1,000 มก./วัน
  • ใช้โปรตีนจากไข่ขาวแทนไข่ทั้งฟอง
  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์นม ใช้นมทางเลือกที่ไม่เติมฟอสเฟต

🍳 โปรตีน: ไม่ได้งด แต่อย่ากินเกิน

หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นโรคไตต้อง “งดโปรตีน” ซึ่งไม่ถูกต้องเสียทีเดียว
เพราะโปรตีนยังจำเป็นต่อการซ่อมแซมร่างกาย เพียงแค่ต้อง “ควบคุมปริมาณ”

👨‍⚕️ ผู้ป่วยไตระยะ 3 ควรกินโปรตีนประมาณ 0.6–0.8 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน
ตัวอย่าง:

  • น้ำหนัก 60 กิโลกรัม = โปรตีน 36–48 กรัมต่อวัน

💡 เทียบง่าย ๆ:

  • ไข่ขาว 1 ฟอง = โปรตีนประมาณ 3.5 กรัม
  • อกไก่ 50 กรัม = โปรตีนประมาณ 11 กรัม

🔸 คำแนะนำ:

  • เลือกแหล่งโปรตีนไขมันต่ำ เช่น ไข่ขาว, ปลาเนื้อขาว, เต้าหู้
  • กระจายการกินโปรตีนในแต่ละมื้อให้พอดี
  • หลีกเลี่ยงการกินโปรตีนทีเดียวปริมาณมาก เพราะจะทำให้ไตทำงานหนักเกินไป

💧 น้ำ: ต้องสมดุล

การดื่มน้ำสำหรับผู้ป่วยโรคไตไม่ใช่ยิ่งเยอะยิ่งดี

  • หากยังปัสสาวะได้ปกติ อาจดื่มน้ำได้ตามความเหมาะสม
  • แต่ถ้าเข้าสู่ระยะที่ไตเสื่อมหนัก (หรือมีอาการบวมน้ำ) ต้องควบคุมการดื่มน้ำอย่างเคร่งครัด

🔸 เคล็ดลับ:

  • สังเกตปัสสาวะและอาการบวม
  • ปรึกษาแพทย์หรือนักกำหนดอาหารเพื่อกำหนดปริมาณน้ำที่เหมาะสม

สรุปภาพรวมการบริหารโภชนาการสำหรับผู้ป่วยไต

ปัจจัยที่ควบคุม

คำแนะนำหลัก

โซเดียม

ไม่เกิน 1,500 มก./วัน, เลี่ยงซอสปรุงรสทั่วไป
ฟอสฟอรัส

ไม่เกิน 800–1,000 มก./วัน, หลีกเลี่ยงนม-ไส้กรอก

โปรตีน

ควบคุมตามน้ำหนักตัว, เน้นไข่ขาว

น้ำ

ดูตามอาการ ปรึกษาแพทย์

ทำอาหารไทยให้อร่อย และปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยโรคไต

การดูแลผู้ป่วยโรคไตผ่าน “อาหารไทย” ไม่ใช่เรื่องไกลตัวหรือยากเกินไป หากเราเข้าใจหลักโภชนาการและรู้จัก “ปรับเปลี่ยนอย่างสมเหตุผล” โดยไม่ต้องเสียรสชาติอันคุ้นเคยของอาหารไทยไปทั้งหมด

แม้เมนูดั้งเดิมหลายอย่างอาจเต็มไปด้วยโซเดียมสูง ฟอสฟอรัสซ่อนเร้น และโปรตีนมากเกินจำเป็น แต่เราสามารถ ปรับสูตร ให้เข้ากับสุขภาพของผู้ป่วยได้ เช่น:

  • ใช้น้ำมันรำข้าวหรือน้ำมันมะกอกแทนน้ำมันทั่วไป
  • ปรุงรสด้วยเครื่องเทศธรรมชาติ เช่น ขิง ตะไคร้ ใบมะกรูด
  • ใช้ “เครื่องปรุงรสโซเดียมต่ำ หรือสูตรไม่มีเกลือ”
  • ลดปริมาณเนื้อสัตว์ลง และใช้ “ไข่ขาว” หรือ “เต้าหู้ขาว” แทนบางส่วน

สิ่งสำคัญคือไม่เน้นแค่การหลีกเลี่ยง แต่ต้อง “สร้างทางเลือกใหม่” ให้ผู้ป่วยกินได้อย่างมีความสุข ทั้งยังส่งผลดีต่อการควบคุมระดับความดัน ความสมดุลของแร่ธาตุ และการชะลอภาวะไตเสื่อม

🍲 แบรนด์ NIZE กับแนวทางสำหรับผู้ป่วยโรคไต

เพื่อช่วยให้การกินอาหารของผู้ป่วยโรคไตง่ายขึ้น “แบรนด์ NIZE” ได้พัฒนาชุดเครื่องปรุงและผงปรุงรสเพื่อสุขภาพที่สามารถใช้ประกอบอาหารไทยได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องโซเดียมหรือฟอสฟอรัสสูง เช่น:

  • ซอสอเนกประสงค์
  • ผงปรุงรสสูตรโซเดียมต่ำ
  • น้ำจิ้มสูตรคลีน ที่เหมาะสำหรับใช้กับเมนูโปรตีนต่ำ

✅ เหมาะกับผู้ป่วยระยะเริ่มต้นถึงระยะ 3
✅ ใช้ต่อเนื่องได้ในชีวิตประจำวัน
✅ ช่วยคงความอร่อยของอาหารไทยอย่างปลอดภัย

สามารถสอบถามหรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.nizeseasonings.com หรือ LINE Official ของแบรนด์

Nize Seasonings ผงปรุงรสคลีน 100% เพื่อคนรักสุขภาพ
“เจ้าแรกในไทย” 
HAVE A NIZE LIFE,  HAVE A NIZE MEAL, FOR ALL THE DISHES YOU  LOVE 

🔍 แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า