“อาหารที่มีโพแทสเซียมสูง – ที่คนโรคไตควรรู้”

อาหารที่มีโพแทสเซียมสูง – ที่คนโรคไตควรรู้

🥦 อาหารที่มีโพแทสเซียมสูง – ที่คนไตควรรู้ 

เมื่อพูดถึง “การดูแลไต” คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงการลดเค็ม หลีกเลี่ยงโซเดียม หรืองดอาหารแปรรูป แต่สิ่งหนึ่งที่มักถูกมองข้ามกลับคือ “โพแทสเซียม” ซึ่งเป็นเกลือแร่ที่พบได้ทั่วไปในอาหารไทยแทบทุกชนิด โดยเฉพาะผัก ผลไม้ และสมุนไพร

แม้ว่าโพแทสเซียมจะเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย มีบทบาทในการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ ระบบประสาท และสมดุลของของเหลว แต่สำหรับผู้ที่มีภาวะไตเสื่อม ไตวาย หรือโรคไตเรื้อรัง การได้รับโพแทสเซียมมากเกินไปอาจเป็นอันตรายร้ายแรงได้ เพราะไตที่ทำงานบกพร่องจะไม่สามารถกรองโพแทสเซียมส่วนเกินออกจากร่างกายได้ ทำให้เกิดการสะสมในเลือด ซึ่งนำไปสู่ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือแม้แต่หยุดเต้นได้ในกรณีรุนแรง

สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นความเสี่ยงแบบเงียบๆ ก็คือ พฤติกรรมการกินของคนไทยจำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่า “กินผักผลไม้คือดีต่อสุขภาพเสมอ” โดยไม่ทราบเลยว่า
– กล้วยหอมเพียง 1 ผลมีโพแทสเซียมสูงถึง ~400 มก.
– น้ำมะพร้าว 1 แก้วมีมากกว่า 600 มก.
– ข้าวกล้อง 1 ถ้วยให้โพแทสเซียมมากกว่า 80 มก.

และที่น่ากังวลกว่านั้นคือ ผู้ป่วยโรคไตในระยะเริ่มต้นมักยังไม่มีอาการรุนแรง จึงยิ่งมีโอกาสบริโภคอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงเกินค่าที่ควรแบบไม่รู้ตัวเลย

ข้อมูลจาก National Kidney Foundation (NKF) และ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ผู้ป่วยโรคไตระยะที่ 3–5 ควรได้รับโพแทสเซียมไม่เกิน 2,000–3,000 มก.ต่อวัน เท่านั้น
ซึ่งเมื่อเทียบกับปริมาณโพแทสเซียมในผัก-ผลไม้ไทยหลายชนิดแล้ว ถือว่า “สูงเกินไปอย่างง่ายดาย” โดยเฉพาะเมื่อไม่ได้มีการวางแผนอาหารที่เหมาะสม

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ซีอยากชวนคุณผู้อ่านทุกคน — ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วย ผู้ดูแล หรือแม้แต่คนรักสุขภาพทั่วไป — มาทำความเข้าใจเรื่อง โพแทสเซียม” กับโรคไต ให้ชัดเจนขึ้น ผ่านบทความนี้ที่ไม่เพียงแค่ให้ความรู้ แต่ยังเสนอทางเลือกที่ปลอดภัย นำไปใช้ได้จริง พร้อมคำแนะนำในการปรับมื้ออาหารให้เหมาะสม

🧪  โพแทสเซียมคืออะไร และมีผลต่อไตอย่างไร?

โพแทสเซียม (Potassium) คือแร่ธาตุที่มีบทบาทสำคัญในร่างกาย โดยเฉพาะการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ ระบบประสาท และสมดุลของกรด-เบสในเลือด
ในภาวะปกติ ร่างกายได้รับโพแทสเซียมจากอาหาร และไตจะเป็นอวัยวะหลักในการกรองและขับโพแทสเซียมส่วนเกินออกทางปัสสาวะ

อย่างไรก็ตาม เมื่อไตเริ่มเสื่อมประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะจากภาวะ ไตวายเฉียบพลัน หรือ โรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease – CKD) การกำจัดโพแทสเซียมจะลดลง ทำให้โพแทสเซียมสะสมในร่างกาย ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะอันตรายที่เรียกว่า ภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง (Hyperkalemia)

⚠️ Hyperkalemia – ภาวะเงียบที่รุนแรง

ภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูงไม่ได้แสดงอาการชัดเจนในช่วงแรก แต่หากปล่อยไว้อาจทำให้เกิดอาการเหล่านี้ได้:

  • กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเกร็ง
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • เสี่ยงต่อ ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน

ตามข้อมูลจาก American Kidney Fund (AKF) และ โรงพยาบาลศิริราช, ค่าโพแทสเซียมในเลือดที่สูงกว่า 5.0 มิลลิอีควิวาเลนต์/ลิตร (mEq/L) ถือว่าผิดปกติ และควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด

📌 โพแทสเซียม… ไม่ใช่สิ่งที่ต้องงด แต่ต้อง “ควบคุม”

สิ่งสำคัญคือ… โพแทสเซียมไม่ใช่ผู้ร้าย เสมอไป เพราะร่างกายยังต้องการแร่ธาตุนี้เพื่อการทำงานที่สมดุล ดังนั้น แนวทางที่ดีที่สุดคือ ควบคุมปริมาณ ให้เหมาะสมกับระดับการทำงานของไต และวางแผนการกินอย่างรอบคอบ

สำหรับผู้ป่วยไตระยะ 1–2 อาจยังสามารถบริโภคอาหารที่มีโพแทสเซียมได้ในปริมาณมากพอสมควร แต่ควรลดลงในระยะ 3–4 และต้องควบคุมอย่างเคร่งครัดในระยะที่ 5 หรือต้องฟอกไต

🍽️ แล้วในอาหารไทยล่ะ?

อาหารไทยจำนวนไม่น้อย—ทั้งที่เป็นอาหารคลีนหรือเมนูสุขภาพ—มักใช้วัตถุดิบที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น:

  • ผักใบเขียวเข้ม (คะน้า ผักโขม ผักบุ้ง)
  • กล้วย ขนุน มะม่วง
  • น้ำมะพร้าว
  • เห็ดหอม ฟักทอง มะเขือเทศ
  • ข้าวกล้อง ข้าวโพด

แม้จะเป็นของดีในสายตาสุขภาพทั่วไป แต่สำหรับผู้ป่วยโรคไต หากไม่รู้จักจำกัดหรือเลือกบริโภคอย่างเหมาะสม ก็อาจกลายเป็นภัยเงียบได้

📝  ลิสต์อาหารและวัตถุดิบที่โพแทสเซียมสูง: รู้ไว้ก่อนเลือกกิน

ในหมวดนี้ เราจะพาทุกคนมารู้จักกับวัตถุดิบที่มีโพแทสเซียมสูง เพื่อให้สามารถเลือกบริโภคได้อย่างปลอดภัย โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในภาวะโรคไตระยะ 3-5 หรือได้รับคำแนะนำจากแพทย์ให้ควบคุมโพแทสเซียมในแต่ละวัน

🥬 กลุ่มผักที่มีโพแทสเซียมสูง (100 กรัม)

ผักชนิด

ปริมาณโพแทสเซียม (มก.)

ผักโขม

558 มก.

ผักคะน้า

447 มก.

ผักบุ้ง

312 มก.

ฟักทอง

340 มก.

บร็อกโคลี

316 มก.

หน่อไม้ฝรั่ง

202 มก.
เห็ดหอม (สด)

320 มก.

แครอท

320 มก.

🔎 หมายเหตุ: แม้จะเป็นผักสุขภาพ แต่ควรลวกหรือต้มทิ้งน้ำ 1–2 รอบ เพื่อช่วยลดปริมาณโพแทสเซียมได้ประมาณ 30–50%

🍌 กลุ่มผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง (ต่อ 1 หน่วยบริโภค)

ผลไม้

ปริมาณโพแทสเซียม (มก.)

กล้วยน้ำว้า

358 มก.

แก้วมังกร

268 มก.

มะม่วงสุก

278 มก.

ขนุน

287 มก.

ทุเรียน

436 มก.

มะละกอสุก

257 มก.

อะโวคาโด

485 มก.

น้ำมะพร้าว

250–300 มก. / 100 มล.

⚠️ หลายชนิดเป็นผลไม้ยอดนิยมในสายสุขภาพ แต่ควรจำกัดปริมาณ หรือหลีกเลี่ยงโดยเฉพาะในผู้ป่วยไตระยะลุกลาม

🍚 กลุ่มธัญพืช / อาหารอื่นๆ ที่พบโพแทสเซียม

อาหาร

ปริมาณโพแทสเซียม (มก.) ต่อ 100 กรัม
ข้าวกล้อง

250 มก.

ถั่วเหลือง

620 มก.
ถั่วลิสง

332 มก.

งาดำ

468 มก.
ช็อกโกแลตเข้ม

600+ มก.

มันฝรั่งต้ม

421 มก.
น้ำซุปกระดูก

400–500 มก. / ถ้วย

📌 คำแนะนำเสริม:

✅ หากต้องการบริโภควัตถุดิบเหล่านี้ ควร:

  • ปรึกษานักโภชนาการหรือแพทย์ไตประจำตัว
  • ใช้เทคนิค “ต้มแล้วเทน้ำทิ้ง” เพื่อลดโพแทสเซียม
  • บริโภคในปริมาณน้อย และไม่ซ้ำซ้อนกันหลายอย่างในมื้อเดียว
  • งดใช้น้ำซุปจากผักเข้ม เช่น น้ำต้มคะน้าหรือฟักทอง

🥬  โพแทสเซียมในอาหาร – สิ่งที่ผู้ป่วยโรคไตควรรู้

📌 โพแทสเซียมคืออะไร? ทำไมผู้ป่วยไตต้องระวัง

โพแทสเซียม (Potassium) คือแร่ธาตุสำคัญที่มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อและหัวใจ รวมถึงช่วยส่งสัญญาณประสาทในร่างกาย เป็นแร่ธาตุที่มีอยู่มากในผัก ผลไม้ และอาหารสดหลายชนิด ซึ่งสำหรับคนทั่วไป โพแทสเซียมถือว่าเป็นสิ่งที่ “ดี” และจำเป็นต่อร่างกาย

แต่สำหรับผู้ที่มีภาวะโรคไต โดยเฉพาะตั้งแต่ระยะที่ 3 เป็นต้นไป ไตจะไม่สามารถขับโพแทสเซียมส่วนเกินออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้โพแทสเซียมสะสมในเลือด และเสี่ยงต่อ ภาวะโพแทสเซียมสูงในเลือด (Hyperkalemia) ซึ่งเป็นอันตรายถึงขั้นหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือหยุดเต้นได้เลยทีเดียว

📍 ระดับโพแทสเซียมที่ควรควบคุม:

  • คนทั่วไป: 3.5 – 5.0 mEq/L
  • ผู้ป่วยโรคไต: ควรควบคุมให้อยู่ในช่วงต่ำกว่า 5.0 mEq/L

ดังนั้น การเลือกรับประทานอาหารของผู้ป่วยโรคไตจึงต้องพิจารณา “ปริมาณโพแทสเซียม” ในอาหารทุกมื้ออย่างใกล้ชิด ไม่ใช่แค่โซเดียมเพียงอย่างเดียว

🧂 อ่านฉลากให้เป็น ปรุงอาหารให้ปลอดภัย

หลายคนอาจนึกไม่ถึงว่า… โพแทสเซียมแฝงอยู่ในเครื่องปรุงรสหลากหลายชนิด โดยเฉพาะในกลุ่มซอสปรุงรส ซีอิ๊ว ซุปก้อน น้ำปลา รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปที่มักเติมโพแทสเซียมเพื่อปรับรสชาติหรือยืดอายุการเก็บรักษา

วิธีอ่านฉลากเพื่อหลีกเลี่ยงโพแทสเซียม:

  • ดูคำว่า “Potassium” หรือ “โพแทสเซียม” บนฉลาก หากมีให้ตรวจสอบปริมาณ
  • หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่ลงท้ายด้วย “phosphate” เช่น Potassium phosphate, Sodium phosphate
  • เลือกเครื่องปรุงที่มีฉลากชัดเจนว่า “โซเดียมต่ำ”, “ไม่มีเกลือ” หรือ “ไม่มีโพแทสเซียม
  • ตรวจสอบว่าสินค้านั้นมี สัญลักษณ์อาหารเพื่อสุขภาพ หรือได้รับการรับรองจาก อย.

🍴 เครื่องปรุงที่ผู้ป่วยโรคไตใช้ได้อย่างมั่นใจ

เพื่อให้ผู้ป่วยโรคไตสามารถกินอาหารได้อย่างอร่อยและปลอดภัย ซีแนะนำเครื่องปรุงรสจากแบรนด์ NIZE ซึ่งผ่านการออกแบบร่วมกับนักโภชนาการและผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะ

💡 ผลิตภัณฑ์แนะนำจากแบรนด์ NIZE:

ชื่อสินค้า

จุดเด่น เหมาะกับเมนู

ซอสอเนกประสงค์

ไม่มีโซเดียมและโพแทสเซียม

ผัดผักรวม, ลวกจิ้ม

ผงปรุงรสสูตรโซเดียมต่ำ

รสชาติเข้มข้นจากสมุนไพร

ข้าวผัดไข่, ต้มจืดฟัก

ซอสหมักพริกไทยดำ ไม่มีสารกันบูด ใช้สมุนไพรไทยแท้

หมูอบไข่ขาว, ปลานึ่ง

✨ จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ NIZE คือ ช่วยให้ “ปรุงอาหารไทยได้อร่อยเหมือนเดิม” โดยไม่เพิ่มภาระให้ไต แถมยังลดโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ อย่างความดันสูงหรือเบาหวานด้วย

🍚 เมนูอาหารแนะนำที่ปลอดภัยต่อโพแทสเซียม

การควบคุมโพแทสเซียมไม่จำเป็นต้องงดทุกอย่าง แต่ต้อง “จัดสัดส่วนให้พอดี และเลือกวัตถุดิบอย่างรู้เท่าทัน” โดยซีรวบรวมเมนูอาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยไตมาฝากค่ะ:

เมนูที่ใช้ได้กับผู้ป่วยไต (ระยะ 2–3):

  1. ข้าวต้มปลานิล + ซอสอเนกประสงค์สูตรไม่มีเกลือ
  2. ลาบไข่ขาวใส่เห็ดเข็มทอง + ซอสหมักพริกไทยดำ
  3. ผัดบวบเต้าหู้ไข่ขาว + ผงปรุงรสสูตรโซเดียมต่ำ
  4. ข้าวสวยกับต้มจืดตำลึงไข่ขาว
  5. ไข่ตุ๋นเต้าหู้เนื้อเนียน
  6. ปลานึ่งขิงราดซอสสูตรไม่มีเกลือ
  7. ข้าวผัดขิงไข่ขาวใส่ผักกาดขาว
  8. เต้าหู้ทอดพริกไทยดำไม่ใส่เกลือ
  9. ยำผักบุ้งไข่ขาวน้ำจิ้มสูตรไม่มีเกลือ
  10. น้ำพริกปลานึ่ง + ผักลวกจำกัดโพแทสเซียม เช่น กะหล่ำปลี, แตงกวา

🌿 สรุป: กินให้เป็น อยู่กับโรคไตได้อย่างมีความสุข

โพแทสเซียมไม่ใช่ศัตรู…ถ้าเรารู้จักจัดการ
การกินอาหารอย่างชาญฉลาด โดยเลือกวัตถุดิบที่มีโพแทสเซียมพอเหมาะ ลดการใช้น้ำซุปเข้มข้น น้ำปลา และซอสที่มีสารแฝง พร้อมเลือกเครื่องปรุงสูตรเฉพาะอย่าง NIZE ก็จะช่วยให้ “มื้ออาหารสำหรับผู้ป่วยไต” กลับมาอร่อยได้อย่างมั่นใจ

สุขภาพดีเริ่มต้นที่จานข้าวในทุกวัน ❤️

🧭  ดูแลไตอย่างรอบด้าน เริ่มต้นได้จากจานข้าว

เมื่อพูดถึงการดูแลสุขภาพไต หลายคนอาจนึกถึงแค่การ “งดเค็ม” หรือ “ลดเกลือ” แต่แท้จริงแล้วการดูแลไตอย่างแท้จริง ต้องพิจารณาให้รอบด้านทั้ง โซเดียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส โปรตีน และของเสียอื่นๆ ที่ไตต้องกรองออกจากร่างกาย

การควบคุมโพแทสเซียมเป็นเพียงหนึ่งใน “พฤติกรรมเล็กๆ” ที่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ได้ หากเราทำได้อย่างต่อเนื่องในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในผู้ป่วยไตระยะ 2–4 ที่ยังสามารถปรับพฤติกรรมอาหารเพื่อชะลอความเสื่อมของไตได้

เคล็ดลับง่ายๆ ที่เริ่มได้ทันที

  1. เลือกวัตถุดิบสด และปริมาณที่เหมาะสม
    • ไม่จำเป็นต้องงดผักผลไม้ทุกชนิด แต่ให้เลือกที่โพแทสเซียมต่ำ-กลาง
    • ลวกผักในน้ำเดือด แล้วเทน้ำทิ้ง เพื่อลดปริมาณโพแทสเซียม
  2. เปลี่ยนเครื่องปรุงเป็นสูตรลดหรือไม่มีโซเดียม
    • ใช้เครื่องปรุงรสที่ปลอดภัย เช่น ซอสสูตรไม่มีเกลือ, ผงปรุงโซเดียมต่ำ
  3. อ่านฉลากโภชนาการก่อนซื้อทุกครั้ง
    • หลีกเลี่ยงคำว่า “เสริมโพแทสเซียม” หรือ “โซเดียมต่ำแต่โพแทสเซียมสูง”
  4. วางแผนอาหารล่วงหน้าเป็นรายสัปดาห์
    • จัดตารางเมนูเพื่อควบคุมสารอาหาร และลดการกินตามใจชั่ววูบ
  5. ปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการ
    • หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสารอาหารหรือค่าต่างๆ ในร่างกาย

🌱 สินค้าเพื่อผู้ป่วยโรคไตจาก NIZE – กินอร่อย ไม่ต้องกังวล

หากคุณหรือคนที่คุณรักกำลังอยู่ในช่วงดูแลไต การเลือกเครื่องปรุงรสก็สำคัญไม่แพ้เมนูอาหาร ซีขอแนะนำ กลุ่มสินค้าเพื่อผู้ป่วยโรคไตจากแบรนด์ NIZE ที่ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบปลอดภัย และออกแบบรสชาติให้ยังคงความอร่อยในแบบอาหารไทยอย่างครบถ้วน

✅ ไม่มีโซเดียม / ไม่มีโพแทสเซียม / ไม่มีผงชูรส / ไม่มีสารกันบูด

ทำให้อาหารจานโปรดของคุณ “กลายเป็นจานที่ปลอดภัยสำหรับไต” ได้ง่ายๆ ในทุกวัน

📍 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อสินค้าได้ที่ www.nizeseasonings.com/shop
💬 หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ทาง LINE: @nizeseasonings

Nize Seasonings ผงปรุงรสคลีน 100% เพื่อคนรักสุขภาพ
“เจ้าแรกในไทย”
HAVE A NIZE LIFE,  HAVE A NIZE MEAL, FOR ALL THE DISHES YOU  LOVE

🔍 แหล่งอ้างอิง (References)

pobpad.com: https://www.pobpad.com/อาหารสำหรับคนเป็นโรคไต

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า