“การเลือกเครื่องปรุงสำหรับผู้ป่วยไต: ทางเลือกที่ปลอดภัยและอร่อย”
เครื่องปรุง…ไม่ใช่เรื่องเล็ก สำหรับผู้ป่วยโรคไต
ในวัฒนธรรมอาหารไทย เครื่องปรุงถือเป็น “หัวใจลับ” ที่สร้างรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำปลา ซีอิ๊ว น้ำตาลทราย เกลือ หรือซอสต่างๆ ล้วนเป็นองค์ประกอบที่ช่วยให้แต่ละจาน “ถึงรสถึงใจ” ตามแบบไทยแท้
แต่สำหรับผู้ป่วยโรคไต เครื่องปรุงรสเหล่านี้อาจกลายเป็นดาบสองคม…
โรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease: CKD) เป็นภาวะที่ไตสูญเสียความสามารถในการกรองของเสียและควบคุมสมดุลแร่ธาตุต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งหนึ่งใน “ตัวการลับ” ที่ส่งผลต่อการทำงานของไตมากที่สุดคือ โซเดียม (Sodium) — เกลือแร่ที่พบได้ทั่วไปในเครื่องปรุงรสแทบทุกชนิด
การบริโภคโซเดียมสูงเกินไป จะทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำ ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น และเร่งให้ไตเสื่อมเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว
แต่การปรุงอาหารให้อร่อยโดยไม่พึ่งเกลือหรือน้ำปลายังเป็นเรื่องใหม่สำหรับหลายคน ทั้งในครอบครัวที่มีผู้ป่วย หรือแม้แต่ผู้ป่วยเองที่ต้องการ “ปรุงเอง กินเอง” อย่างมีอิสระ
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “การเลือกเครื่องปรุง” สำหรับผู้ป่วยโรคไต
จึงไม่ใช่แค่เรื่องรสชาติ แต่คือ “การดูแลชีวิตแบบยั่งยืน” ในทุกมื้ออาหาร
📊 ทำไมโซเดียมถึงต้องควบคุม?
- ผู้ป่วยโรคไตควรบริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม/วัน
- เครื่องปรุงทั่วไป เช่น น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ = โซเดียมราว 1,300 มก.
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ = โซเดียมราว 900–1,000 มก.
- เกลือ 1 ช้อนชา = โซเดียม 2,000 มก. (เท่ากับเพดานทั้งวัน!)
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมแม้เพียง “เครื่องปรุงนิดเดียว” ก็อาจทำให้ผู้ป่วยเกินขีดจำกัดได้ทันที
💡 ทางเลือกใหม่: ปรุงรสโดยไม่ทำร้ายไต
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการพัฒนา “เครื่องปรุงทางเลือก” ที่ตอบโจทย์ทั้งความอร่อยและความปลอดภัยสำหรับผู้ป่วย
เช่น:
- ซอสสูตรลดโซเดียม
- เครื่องปรุงที่ไม่มีผงชูรสหรือฟอสฟอรัส
- ผงปรุงรสจากสมุนไพรและวัตถุดิบธรรมชาติ
- เครื่องปรุงคลีนที่ไม่มีเกลือเลย แต่ยังอร่อย
ทั้งหมดนี้จะเป็นหัวใจของการดูแลผู้ป่วยไตในระยะยาว และทำให้ทุกมื้อยังคง “อิ่มอร่อยได้โดยไม่รู้สึกผิด”
เครื่องปรุงต้องห้าม – รสอร่อยที่แฝงภัยเงียบสำหรับไต
แม้จะดูเหมือนเล็กน้อยในสายตาคนทั่วไป แต่ “เครื่องปรุงรส” กลับเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยโรคไตต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะเพียงแค่หยิบผิดหนึ่งช้อน อาจหมายถึงการรับโซเดียม ฟอสฟอรัส หรือโพแทสเซียม เกินกว่าที่ไตจะรับไหว
🍜 1. น้ำปลา: รสเค็มไทยแท้ แต่โซเดียมทะลุเพดาน
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะให้โซเดียมประมาณ 1,300 มิลลิกรัม ซึ่งคิดเป็นเกือบ 70% ของปริมาณที่ผู้ป่วยโรคไตควรได้รับในหนึ่งวัน
น้ำปลาไม่ได้เป็นแค่เครื่องปรุงหลักของคนไทยเท่านั้น แต่ยังมีในน้ำจิ้มและอาหารจานด่วนแทบทุกชนิด
✅ ทางเลือกที่ดีกว่า:
- ซอสสูตรลดโซเดียม
- ซอสปรุงรสจากเห็ด/ผัก
- ซอสอเนกประสงค์ไม่มีเกลือ เช่นของแบรนด์คลีน
🍚 2. ซีอิ๊วขาว และซอสหอยนางรม: แฝงโซเดียม + ฟอสฟอรัส
นอกจากโซเดียมแล้ว เครื่องปรุงบางชนิดยังมีสารเติมแต่งอย่าง ฟอสเฟต หรือ ฟอสเฟตอินทรีย์ เพื่อเพิ่มรสหรือช่วยถนอมอาหาร
สารเหล่านี้อาจไม่ระบุในฉลากชัดเจน แต่หากสะสมมากจะทำให้ไตทำงานหนักขึ้น
✅ ทางเลือกที่ดีกว่า:
- อ่านฉลากหาคำว่า “ไม่มีฟอสเฟต” หรือ “no phosphate additive”
- เลือกซีอิ๊วที่ระบุ “Low Sodium” และไม่มีวัตถุกันเสีย
🧂 3. เกลือ (Salt): ดูเหมือนไม่ใส่เยอะ แต่สะสมสูงมาก
แม้ผู้ป่วยไตหลายคนจะลดการใส่เกลือเวลาเข้าครัว
แต่เกลือแฝงมากับน้ำซุปก้อน ผงปรุงรส ลูกชิ้น แฮม ขนมปัง ฯลฯ
และยิ่งใช้คู่กับน้ำปลา ซีอิ๊ว ซอสปรุงรส ก็ยิ่งสะสมหนักโดยไม่รู้ตัว
✅ เคล็ดลับ:
- ใช้เครื่องเทศธรรมชาติ เช่น พริกไทย ใบมะกรูด ขิง
- ใช้ผงปรุงรสโซเดียมต่ำ (sodium-reduced seasoning)
- ใช้น้ำมะนาว / น้ำส้มสายชูหมักผลไม้แทนเกลือในบางเมนู
🍖 4. ผงปรุงรสทั่วไป (รสหมู/ไก่/ผัก): โซเดียม + MSG + ฟอสฟอรัส
แม้จะเขียนว่า “ผงปรุงรสผัก” หรือ “รสธรรมชาติ” แต่หลายยี่ห้อมีส่วนผสมของ โมโนโซเดียมกลูตาเมต (MSG), สารกันเสีย และ ฟอสเฟต ในรูปแบบที่ไม่ได้แสดงชัดเจนบนฉลาก
กลุ่มนี้จึงจัดว่า “อันตรายเงียบ” โดยเฉพาะสำหรับผู้ป่วยโรคไต
✅ ทางเลือก:
- เลือกผงปรุงรสที่ทำจากสมุนไพรล้วน
- ไม่มี MSG, ฟอสเฟต หรือผงชูรส
- ใช้ผงปรุงรสที่มีฉลากรองรับ เช่น “Low Sodium”, “Kidney-friendly”
🍯 5. ซอสหวาน เช่น น้ำจิ้มไก่ น้ำจิ้มซีฟู้ด
ซอสหวานมักมีทั้ง โซเดียม + น้ำตาลสูง และสารกันเสีย รวมถึงแต่งกลิ่น/สี
สำหรับผู้ป่วยโรคไตที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น เบาหวาน หรือความดัน ซอสหวานเหล่านี้อาจเป็นปัจจัยเร่งการเสื่อมของไตได้อีกขั้น
✅ ควรทำซอสเองง่ายๆ เช่น
- น้ำมะนาว + พริก + กระเทียม
- น้ำส้มสายชูหมัก + ขิง + น้ำตาลหล่อฮังก๊วย
- หรือเลือก “ซอสสูตรไม่มีน้ำตาล ไม่มีเกลือ” ที่ผลิตแบบปลอดสารเคมี
📋 ตารางสรุปเครื่องปรุงต้องระวัง
|
ประเภทเครื่องปรุง |
สิ่งที่ต้องระวัง | ทางเลือกที่แนะนำ |
|
น้ำปลา |
โซเดียมสูง |
ซอสลดโซเดียม / ซอสไม่มีเกลือ |
| ซีอิ๊ว / ซอสหอย | ฟอสเฟต, โซเดียม |
ซีอิ๊ว Low Sodium, No Phosphate |
|
เกลือ |
โซเดียมสะสม | พริกไทย / สมุนไพร / มะนาว |
|
ผงปรุงรสทั่วไป |
MSG, ฟอสเฟต |
ผงปรุงรสสมุนไพรคลีน |
| น้ำจิ้มต่างๆ | น้ำตาล + โซเดียม |
ซอสโฮมเมด / ไม่มีเกลือ |
ส่วนที่ 3: เทคนิคอ่านฉลากให้รอด – มือใหม่ไตก็เลือกได้
การเลือกเครื่องปรุงที่ “อร่อยแต่ปลอดภัย” สำหรับผู้ป่วยโรคไต ไม่ได้หมายถึงการต้องเปลี่ยนทุกอย่างในครัวภายในวันเดียว
แต่คือการเรียนรู้ อ่านฉลากอย่างเข้าใจ เพื่อให้รู้ว่าอะไรซ่อนอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่เราหยิบมาใช้ทุกวัน
หลายคนอาจเคยหยิบขวดซอสหรือผงปรุงขึ้นมา แล้วสะดุดกับตารางโภชนาการที่มีตัวเลขเต็มไปหมด…
วันนี้จะพามาดูว่า “ควรดูอะไร” และ “หลีกเลี่ยงอะไร” เป็นพิเศษสำหรับผู้ป่วยโรคไต
📌 จุดที่ 1: ดู “ปริมาณโซเดียม” ต่อ 1 หน่วยบริโภค
ค่าโซเดียม (Sodium) ที่ควรหลีกเลี่ยง = มากกว่า 400 มิลลิกรัม/1 ช้อนโต๊ะ
💡 เทคนิคง่ายๆ:
- เครื่องปรุงที่มีโซเดียม “ไม่เกิน 100–200 มก./ช้อนชา” = ถือว่าเหมาะสมสำหรับผู้ป่วยไต
- บางยี่ห้ออาจเขียนเป็น % ของ RDI (ปริมาณแนะนำต่อวัน) → ถ้าเกิน 25%/หน่วย = ต้องระวัง
📍 ตัวอย่างฉลากที่ดี:
“โซเดียม 85 มก./1 ช้อนชา”
= โอเค! ใช้ได้ในปริมาณพอดี
📌 จุดที่ 2: มองหาคำว่า “ไม่มีฟอสเฟต / ฟอสฟอรัสต่ำ”
ฟอสฟอรัส (Phosphorus) คืออีกแร่ธาตุที่ผู้ป่วยไตต้องควบคุม
แต่ฉลากอาหารมักไม่ระบุโดยตรง → ต้องสังเกตชื่อสารเติมแต่ง เช่น:
- Disodium phosphate
- Sodium hexametaphosphate
- Monosodium phosphate
= ถ้ามีคำว่า phosphate = ไม่เหมาะกับผู้ป่วยไต
💡 หากบนฉลากเขียนว่า:
“No added phosphate” หรือ “Phosphorus-free”
ถือเป็นสัญญาณที่ดี
📌 จุดที่ 3: หลีกเลี่ยง โมโนโซเดียมกลูตาเมต (MSG) และผงชูรส
แม้ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่า MSG ทำลายไตโดยตรง
แต่ผู้ป่วยที่มีอาการบวมน้ำหรือความดันสูง ควรหลีกเลี่ยงสารเร่งรสพวกนี้
เพราะทำให้รู้สึกติดเค็มโดยไม่รู้ตัว → บริโภคโซเดียมเกินไปโดยไม่ตั้งใจ
✅ มองหาคำว่า:
- “No MSG”
- “ไม่ใส่ผงชูรส”
- “Seasoned with herbs only”
📌 จุดที่ 4: สังเกต “ลำดับส่วนผสม” บนฉลาก
โดยทั่วไปแล้ว ส่วนผสมที่ใส่มากที่สุดจะถูกเขียนก่อน
เช่น ถ้าฉลากเขียนว่า:
น้ำตาล, เกลือ, น้ำปลา, ซีอิ๊วขาว…
แสดงว่าโซเดียมและน้ำตาลมีอยู่มาก → ไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคไต
💡 เลือกผลิตภัณฑ์ที่เขียนว่า:
“สมุนไพร, เห็ด, สารสกัดจากผัก” ขึ้นก่อน → แสดงว่าใช้วัตถุดิบธรรมชาติ
📌 จุดที่ 5: เลือก “เครื่องหมายคุณภาพ” และบรรจุภัณฑ์ที่ชัดเจน
อย่าลืมมองหาเครื่องหมายที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจ เช่น
- 🟢 อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา)
- ✅ โลโก้ Low Sodium หรือ “ได้รับการรับรองจากสถาบันสุขภาพ”
- 👀 ฉลากที่ชัดเจน อ่านง่าย ไม่เลี่ยงคำศัพท์
📌 แนะนำแบบย่อ: เช็กลิสต์อ่านฉลากใน 1 นาที
|
สิ่งที่ต้อง “มองหา” |
สิ่งที่ควร “เลี่ยง” |
|
โซเดียมต่ำ < 200 มก. |
โซเดียม > 400 มก. / หน่วย |
| ไม่มี MSG |
ผงชูรส หรือ MSG |
|
ไม่มีฟอสเฟต |
phosphate ท้ายคำใดๆ |
| ส่วนผสมสมุนไพร |
น้ำปลา / น้ำตาล เป็นลำดับแรก |
|
ฉลาก “Low Sodium” |
ไม่มีข้อมูลโซเดียมบนฉลาก |
สรุป:
การเลือกเครื่องปรุงไม่จำเป็นต้องยากหรือเครียด
แค่เราอ่านฉลากเป็น สังเกตอย่างชาญฉลาด
ผู้ป่วยไตก็สามารถกลับมา “สนุกกับการปรุงอาหาร” ได้อีกครั้ง โดยไม่ต้องเสี่ยงต่อสุขภาพ
ปรุงชีวิตใหม่ ด้วยเครื่องปรุงที่คิดเผื่อไต
ผู้ป่วยโรคไตจำนวนมากมักถูกจำกัดทางเลือกด้านอาหารจนรู้สึกหมดหวัง
“กินอะไรได้บ้าง?” กลายเป็นคำถามที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดในทุกมื้อ
แต่แท้จริงแล้ว สิ่งที่ต้องเปลี่ยน อาจไม่ใช่รสชาติที่เราคุ้นเคย…
แต่อาจเป็น “แนวทาง” ในการเลือกและปรุง
🔄 เปลี่ยนจาก “เลี่ยงหมด” เป็น “เลือกให้เป็น”
หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบบ่อย คือ การพยายามตัดเกลือและเครื่องปรุงทั้งหมดออกจากอาหาร
แม้เจตนาจะดี แต่ในระยะยาวกลับทำให้ผู้ป่วยเบื่ออาหาร ขาดสารอาหาร และรู้สึกเหมือนชีวิตขาดความสุข
วิธีที่ยั่งยืนคือ “การเลือกเครื่องปรุงที่เหมาะสม”
ไม่ใช่การหักดิบ แต่คือการวางแผน
เครื่องปรุงดีๆ ในท้องตลาดมีมากขึ้นในปัจจุบัน
ซึ่งไม่ใช่แค่โซเดียมต่ำ แต่บางสูตรยังเน้น “ไม่มีผงชูรส” “ไม่เติมฟอสเฟต” และ “ใช้สมุนไพรธรรมชาติ”
เช่นเดียวกับ แบรนด์ NIZE ที่มีสูตรปรุงรสคลีน ออกแบบมาโดยคำนึงถึงกลุ่มผู้มีปัญหาสุขภาพโดยเฉพาะ
🍳 การมีสุขภาพดีเริ่มต้นที่ “ครัว” ไม่ใช่แค่ “โรงพยาบาล”
หลายครอบครัวที่มีผู้ป่วยไตอาศัยอยู่มักต้องปรับทั้งบ้านเพื่อดูแลสุขภาพของสมาชิก
หากเราสามารถ “ตั้งต้นที่ครัว” ได้ — เลือกวัตถุดิบสดใหม่ ใช้เครื่องปรุงทางเลือก
ก็ช่วยลดภาระทางการแพทย์และภาระใจในระยะยาว
🌱 ความใส่ใจในสิ่งเล็กน้อย เช่น
- การชิมก่อนปรุง
- การเตรียมซอสเอง
- การแบ่งอาหารแยกสำหรับผู้ป่วย
ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกว่า “ไม่ได้ถูกแยกออกจากครอบครัว” แต่คือคนสำคัญที่ทุกคนพร้อมปรุงด้วยใจ
👨👩👧 สำหรับครอบครัวผู้ดูแล: ทำยังไงให้ไตของคนที่เรารักยังยิ้มได้
- แบ่งเวลาทำเมนูพิเศษสัปดาห์ละ 1-2 มื้อ
- ใช้โอกาสนี้ลองปรับสูตรไทยให้เหมาะกับสุขภาพ เช่น ข้าวผัดไร้ซีอิ๊ว, ต้มจืดผักหวาน, หรือปลานึ่งน้ำจิ้มสมุนไพร
- วางแผนล่วงหน้า
- เขียนลิสต์เมนูที่คนในบ้านชอบ และปรับให้ปลอดภัยสำหรับผู้ป่วย
- เตรียมของสดแบบ low potassium เช่น แตงกวา, ฟักทอง, แครอท, และเต้าหู้
- ใช้ของสำเร็จที่เชื่อถือได้
- อย่างแบรนด์ NIZE ที่มี ชุดเครื่องปรุงสำหรับผู้ป่วยไตโดยเฉพาะ
ปรุงได้เร็ว รสชาติดี และปลอดภัยต่อไต
- อย่างแบรนด์ NIZE ที่มี ชุดเครื่องปรุงสำหรับผู้ป่วยไตโดยเฉพาะ
🎯 เป้าหมายของอาหารโรคไตไม่ใช่แค่ “อยู่ได้” — แต่ต้อง “อยู่ดี”
สุขภาพดีไม่ใช่แค่ค่าตัวเลขในผลเลือด
แต่คือความสามารถในการใช้ชีวิตปกติ เท่าที่ร่างกายจะอนุญาตให้ทำได้
และในทุกคำที่เรากิน ทุกซอสที่เราเลือก เรากำลังบอกตัวเองว่า…
“เรารักร่างกายของเรา และเราตั้งใจจะดูแลมัน”
หากคุณกำลังมองหาเครื่องปรุงที่ทั้งปลอดภัยและรสชาติดี
หรืออยากเริ่มต้นปรับครัวให้เป็น “ครัวเพื่อสุขภาพ”
✨ ขอแนะนำ แบรนด์ NIZE
ที่พัฒนาเครื่องปรุงทางเลือกสูตรเฉพาะสำหรับผู้ป่วยโรคไต — ลดโซเดียม ไม่มีฟอสเฟต และไม่แต่งกลิ่นสังเคราะห์
เราขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ดูแลตัวเอง และคนที่รักด้วยใจจริง
เริ่มต้นที่ “คำเดียว” แล้วต่อยอดไปสู่ชีวิตที่แข็งแรงขึ้นได้ในทุกวันค่ะ 💛
👉 ชมสินค้าได้ที่เว็บไซต์ NIZE
หรือสอบถามทีมงานผู้เชี่ยวชาญได้ทาง LINE Official Account
เพราะทุกคำที่กิน ควรเป็นคำที่เรามั่นใจ 💛
Nize Seasonings ผงปรุงรสคลีน 100% เพื่อคนรักสุขภาพ
“เจ้าแรกในไทย”
HAVE A NIZE LIFE, HAVE A NIZE MEAL, FOR ALL THE DISHES YOU LOVE
แหล่งอ้างอิง :
- กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
- Ram Hospital – โรคไต: อาหารควรเลี่ยง
- Vejthani Hospital – 5 ระยะของโรคไต
- National Kidney Foundation (USA)

สินค้าทั้งหมด
ผงปรุงรสคลีน
น้ำพริกคลีน
เครื่องปรุงแบบขวด
เมนูอาหารคลีน
เมนูอาหารคีโตเจนิค
วิดีโอ เมนูอาหาร
