“อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไต: เมนูไทยที่ลดโซเดียมและฟอสฟอรัส”
เข้าใจโรคไต กับ “อาหาร” ที่ส่งผลมากกว่าที่คิด
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับแนวโน้มผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลของสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย พบว่าในปี 2566 มีผู้ป่วยไตเรื้อรังกว่า 8 ล้านคน และในจำนวนนี้มีผู้ที่เข้าสู่ระยะฟอกไตหรือปลูกถ่ายไตมากกว่า 100,000 ราย ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เร่งให้โรคไตแย่ลงก็คือ “พฤติกรรมการบริโภค” ที่สะสมมาตลอดหลายปี
หลายคนอาจจะคิดว่าโรคไตเกิดจาก “กินเค็มจัด” เพียงอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริง ระบบไตของเราทำงานหนักกับสารอาหารอีกหลายกลุ่ม เช่น โซเดียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และโปรตีนบางประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือมีภาวะไขมันในเลือดร่วมด้วย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคไตเช่นกัน
ทำไม “โภชนาการ” จึงสำคัญมากในผู้ป่วยไต?
หน้าที่ของไตในร่างกายคือการกรองของเสีย ควบคุมสมดุลเกลือแร่และน้ำ เมื่อไตเริ่มเสื่อมสมรรถภาพ การจัดการกับ “สารตกค้าง” หรือของเสียในร่างกายจึงทำได้ไม่เต็มที่ การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสมจึงยิ่งเป็นการเพิ่มภาระให้กับไต ส่งผลให้โรคทรุดเร็วขึ้น หรือเข้าสู่ระยะที่ต้องฟอกไตเร็วกว่าเดิม
การกินที่ดี จึงไม่ได้เป็นแค่เรื่องของการ “ควบคุม” แต่ยังเป็นการ “ช่วยเหลือไต” ให้ทำงานน้อยลง และยืดอายุของอวัยวะสำคัญนี้ให้นานที่สุด
กลุ่มสารอาหารที่ควรใส่ใจ
- โซเดียม (Sodium)
พบในเกลือ น้ำปลา ซีอิ๊ว ซอสปรุงรสต่างๆ รวมถึงอาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก ลูกชิ้น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ฯลฯ- โซเดียมสูงทำให้ไตทำงานหนักขึ้น ควบคุมความดันได้ยาก และบวมง่าย
- ฟอสฟอรัส (Phosphorus)
พบมากในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ อาหารทะเล นม ถั่ว เมล็ดพืช รวมถึงวัตถุเจือปนอาหาร เช่น สารทำให้เนื้อนุ่ม- ผู้ป่วยโรคไตมีความสามารถในการขับฟอสฟอรัสได้น้อย จึงเสี่ยงต่อภาวะกระดูกบางและหลอดเลือดแข็ง
- โพแทสเซียม (Potassium)
พบในผลไม้ เช่น กล้วย ส้ม มะละกอ ลิ้นจี่ และผักบางชนิด เช่น ผักโขม ผักบุ้ง ฟักทอง- หากสะสมในร่างกายมากเกินไป อาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ และเป็นอันตรายได้
- โปรตีน
ต้องควบคุมให้พอเหมาะ เพราะหากรับมากเกินไป จะเกิดของเสียจากการเผาผลาญ เช่น ยูเรีย ที่ไตต้องกรองออก- สำหรับผู้ป่วยระยะเริ่มต้น อาจยังสามารถกินโปรตีนได้ตามคำแนะนำ แต่ในระยะท้ายควรได้รับการควบคุมอย่างใกล้ชิดจากนักโภชนาการ
อาหารไทย – อร่อยได้ ไม่จำเป็นต้องเสี่ยง
ข้อดีของอาหารไทยคือ “ความหลากหลาย” เรามีเครื่องเทศ ผัก สมุนไพร และวัตถุดิบที่สามารถปรับสูตรให้เหมาะกับผู้ป่วยไตได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ซอสปรุงรสหนัก ๆ หรือส่วนผสมที่ทำให้ไตทำงานลำบาก เช่น น้ำปลา ซีอิ๊ว หรือกะปิ
หลายเมนูสามารถปรับสูตรได้ เช่น
- ผัดกะเพรา: ใช้เครื่องเทศแท้ ๆ ไม่ใส่น้ำปลา
- แกงเลียง: ใช้ผักโพแทสเซียมต่ำ เช่น บวบ ฟักเขียว แทนฟักทอง
- ต้มยำ: ใช้สมุนไพรอย่างข่า ตะไคร้ มะกรูดแทนเครื่องปรุงสำเร็จรูป
เมนูไทยจึงสามารถเป็น “มื้อสุขภาพ” ที่ดีต่อไตได้จริง หากเข้าใจหลักการเลือกวัตถุดิบและการปรุงอาหารที่เหมาะสม
หลักการเลือกอาหารที่ลดโซเดียมและฟอสฟอรัสในเมนูไทย
เมนูไทยที่คุ้นเคยของเรานั้น หากปรุงด้วยเครื่องปรุงแบบดั้งเดิม มักมีปริมาณโซเดียมและฟอสฟอรัสแฝงอยู่สูงโดยไม่รู้ตัว เช่น น้ำปลา ซีอิ๊วดำ เต้าเจี้ยว กะปิ หรือแม้แต่อาหารแปรรูปที่หลายคนมองว่า “ไม่เค็มเท่าไร” ก็อาจทำให้ระดับโซเดียมพุ่งสูงเกินคำแนะนำในแต่ละวันได้อย่างง่ายดาย
เพื่อให้อาหารไทยยังคงรสชาติอร่อย แต่ปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยโรคไต เราจึงต้องมี “แนวทางในการเลือกวัตถุดิบ” และ “ปรับรูปแบบการปรุง” ดังนี้
🔹 หลักการลดโซเดียมอย่างได้ผล
- หลีกเลี่ยงเครื่องปรุงเค็มจัดทุกชนิด เช่น น้ำปลา ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ
- งดอาหารแปรรูป เช่น ลูกชิ้น แฮม ไส้กรอก ปลากระป๋อง ที่มีโซเดียมซ่อนอยู่
- ใช้น้ำสกัดผักหรือสมุนไพรแทนน้ำซุปก้อน ซึ่งมักมีผงชูรสและโซเดียมสูง
- หันมาใช้เครื่องเทศและสมุนไพรไทย เช่น กระเทียม พริก ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด เพื่อชูรสแทนการพึ่งเกลือ
- ใช้น้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูเล็กน้อยเพิ่มรสเปรี้ยว เพื่อให้รสชาติกลมกล่อมขึ้น โดยไม่ต้องเติมเกลือ
📝 เคล็ดลับ: หากต้องการใช้เครื่องปรุง ให้เลือกสูตรโซเดียมต่ำ และใช้ในปริมาณน้อยที่สุด เช่น
- ซอสถั่วเหลืองสูตรลดโซเดียม
- น้ำปลาสูตรโซเดียมต่ำ
- หรือใช้ “ซอสสุขภาพ” ที่ไม่มีเกลือและน้ำตาลแฝง
🔹 ฟอสฟอรัส ซ่อนอยู่ตรงไหน?
ฟอสฟอรัสไม่ได้พบแค่ในเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นมเท่านั้น แต่ยังแฝงอยู่ในวัตถุดิบและเครื่องปรุงที่ผ่านกระบวนการแปรรูป เช่น:
- เนื้อสัตว์หมัก (หมูหมัก/ไก่หมัก)
- เต้าเจี้ยว น้ำพริก
- ซุปก้อน/ผงปรุงรส
- ขนมปังโฮลวีตบางชนิด หรือเบเกอรี่ที่เติมสารช่วยขึ้นฟู
👩🍳 แนวทางในการควบคุมฟอสฟอรัสในอาหาร:
- เลือกใช้เนื้อสัตว์สด ไม่หมัก ไม่แช่แข็ง
- เลี่ยงการปรุงด้วยซอสที่มีส่วนผสมของวัตถุเจือปนอาหาร (E-number เช่น E338 – ฟอสเฟต)
- เน้นการใช้โปรตีนจากไข่ขาวในบางมื้อ เพราะให้โปรตีนที่ดีโดยไม่เพิ่มฟอสฟอรัสมาก
🔹 เลือกวัตถุดิบอย่างไรให้เป็นมิตรกับไต?
|
ประเภทวัตถุดิบ |
แนะนำให้ใช้ | ควรหลีกเลี่ยง |
|
เนื้อสัตว์ |
ไก่บ้าน, ปลาเนื้อขาว, ไข่ขาว | หมูหมัก, ปลาเค็ม, ไก่ทอดแช่แข็ง |
| ผัก | ฟักเขียว, แตงกวา, แตงร้าน, บวบ |
ผักโขม, ฟักทอง, มะเขือเทศเข้ม |
| เครื่องปรุง |
สมุนไพรไทย, มะนาว, กระเทียม |
น้ำปลาธรรมดา, ซีอิ๊วดำ, ผงชูรส |
|
ข้าว |
ข้าวขาว, ข้าวกล้องบางส่วน | ข้าวเหนียว, โจ๊กกึ่งสำเร็จรูป |
| ผลไม้ | แอปเปิ้ล, แก้วมังกร, แตงโม |
กล้วย, มะละกอ, ส้ม |
✅ โภชนาการแบบ “ลดแต่ไม่ลำบาก”
การกินอาหารไทยแบบลดโซเดียมและฟอสฟอรัสไม่ได้หมายถึงการต้องตัดรสชาติความอร่อยออกไปหมด — กลับกัน เมื่อเรารู้จักเลือกวัตถุดิบและใช้สมุนไพรไทยอย่างสร้างสรรค์ ก็จะได้อาหารที่รสชาติดี กลมกล่อม และยังปลอดภัยต่อไตอีกด้วย
เมนูอาหารไทยที่ลดโซเดียมและฟอสฟอรัส – อร่อยได้ ปลอดภัยด้วย
การสร้างสรรค์เมนูอาหารไทยสำหรับผู้ป่วยโรคไตโดยเน้นลดโซเดียมและฟอสฟอรัส ไม่ได้หมายความว่าเราต้องกินอาหารจืดชืดเสมอไป เพราะจริง ๆ แล้ว อาหารไทยเป็นครัวที่มีศักยภาพสูงในการปรับสูตรให้สุขภาพดี ด้วยรากฐานของสมุนไพร วัตถุดิบสด และความเข้าใจเรื่องรสชาติที่หลากหลาย
นี่คือเมนูที่เราคัดสรรมาให้เหมาะกับผู้ป่วยโรคไตระยะ 1–3 โดยคำนึงถึงปริมาณโซเดียมและฟอสฟอรัส พร้อมแนวทางปรับสูตรอย่างชาญฉลาด:
🍲 1. แกงเลียงฟักเขียวใส่เห็ด
- ปรับสูตร: ใช้เห็ดฟางหรือเห็ดนางรมหลวงแทนเห็ดหอม (ลดฟอสฟอรัส)
- รสชาติ: ใช้ข่า ตะไคร้ ใบแมงลัก และกระชายเป็นหลัก แทนการใช้ซุปก้อน
- โปรตีน: เติมไข่ขาวเล็กน้อยเพื่อเพิ่มคุณค่า
🥗 2. ยำแตงกวาไข่ขาว
- ปรับสูตร: ใช้น้ำมะนาว + พริกขี้หนู + กระเทียมแทนน้ำยำสำเร็จ
- งดน้ำปลา: ใช้ซอสสุขภาพสูตรไม่มีเกลือ
- เน้นผักน้ำเยอะ ลดโพแทสเซียม
🥘 3. ข้าวต้มปลาเนื้อขาว
- เลือกปลา: ปลาช่อนหรือปลาเนื้อขาวที่มีฟอสฟอรัสต่ำ
- น้ำซุป: ต้มน้ำซุปเองจากหัวไชเท้า ไม่ใช้ผงปรุงรส
- ไม่ใส่ซีอิ๊วหรือน้ำปลา ให้ใช้กระเทียมเจียวเล็กน้อยช่วยชูรส
🍚 4. ผัดผักรวมมิตรสูตร Low Sodium
- เลือกผัก: บวบอ่อน ฟักเขียว กะหล่ำปลี
- ใช้น้ำมันรำข้าว ผัดกับกระเทียม และเติมซอสสูตรไม่มีเกลือ
- เสริมโปรตีน: เพิ่มไข่ขาว 1 ฟอง
🫕 5. แกงส้มดอกแคกุ้ง (ไม่ใส่น้ำปลา)
- ใช้เครื่องแกงทำเองจากพริกสด หอมแดง กระชาย
- ลดเค็ม: ไม่ใส่น้ำปลา แต่ใช้น้ำมะขามเปียกและน้ำตาลเล็กน้อย
- เลือกกุ้งสดไม่หมัก
🍛 6. ไข่ตุ๋นใส่บวบ
- ใช้ไข่ขาว 2 ฟอง + ไข่แดง ½ ฟอง
- เติมบวบหั่นบางและแครอท (ลวกก่อนเพื่อลดโพแทสเซียม)
- ใช้น้ำซุปจากฟักต้มหรือหัวไชเท้า
🥬 7. สลัดผักไทยน้ำยำสมุนไพร
- ใช้ผักสดที่โพแทสเซียมต่ำ เช่น ผักกาดแก้ว แตงกวา
- น้ำยำทำจากน้ำมะนาว + พริกตำ + น้ำตาลนิดหน่อย
- ใส่ไข่ขาวหั่นเต๋า หรืออกไก่ต้มฉีก
🍢 8. ไก่ผัดขิงไร้โซเดียม
- ใช้อกไก่ลอกหนัง ผัดกับขิงซอย พริกหวาน หอมหัวใหญ่
- ปรุงด้วยน้ำมันงา + ซอสสุขภาพ ไม่มีเกลือ
- เสิร์ฟกับข้าวขาวหุงนุ่ม
🧄 9. เห็ดผัดน้ำมันงา
- ใช้เห็ดนางฟ้า/เห็ดฟาง
- ผัดกับกระเทียมเล็กน้อย น้ำมันงา และพริกหยวก
- เสิร์ฟพร้อมข้าวสวย (ขัดขาว ลดฟอสฟอรัส)
🫓 10. แครอทลวกจิ้มน้ำจิ้มแจ่วโซเดียมต่ำ
- แครอทลวกกินเล่น แทนของว่าง
- น้ำจิ้มทำจากน้ำมะนาว + พริก + ข้าวคั่ว + ซอสโซเดียมต่ำ
💡 หมายเหตุ: เมนูเหล่านี้เหมาะกับผู้ป่วยไตระยะ 1–3 ที่ยังสามารถควบคุมอาหารด้วยตัวเองได้
หากอยู่ในระยะ 4–5 หรืออยู่ในช่วงฟอกไต ควรปรึกษานักกำหนดอาหารก่อนเสมอ เพราะความต้องการของร่างกายแตกต่างกันในแต่ละบุคคล
การบริหารปริมาณโปรตีน โซเดียม และฟอสฟอรัสในชีวิตประจำวัน
แม้ว่า “การปรับเมนู” จะเป็นหัวใจสำคัญในการดูแลผู้ป่วยโรคไต แต่ความสำเร็จที่แท้จริงในการดูแลสุขภาพไตนั้น อยู่ที่ “การบริหารโภชนาการ” ในทุกมื้อ ทุกวัน อย่างสมดุล และต่อเนื่อง
เพราะสารอาหารแต่ละอย่างที่เกี่ยวข้องกับไต ไม่ได้ส่งผลแค่ระยะสั้น แต่ส่งผลสะสมต่อการทำงานของไตอย่างมีนัยสำคัญ
🔬 โซเดียม: ตัวร้ายที่คุ้นเคย
โซเดียม มากเกินไปคือศัตรูตัวฉกาจของคนเป็นโรคไต เพราะมันดึงน้ำเข้าสู่หลอดเลือด เพิ่มความดันโลหิต และเร่งการเสื่อมของไต
- คนทั่วไปควรบริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม/วัน
- แต่สำหรับผู้ป่วยโรคไต ควรอยู่ที่ 1,000–1,500 มิลลิกรัม/วัน เท่านั้น
- แค่ “น้ำปลาหนึ่งช้อนโต๊ะ” ก็มีโซเดียมเกือบ 1,400 มิลลิกรัมแล้ว
🔸 คำแนะนำ:
- หลีกเลี่ยงน้ำปลา ซีอิ๊ว ผงปรุงรสทั่วไป
- ใช้ “เครื่องปรุงรสโซเดียมต่ำ” หรือ “สูตรไม่มีเกลือ”
- ใช้สมุนไพรอย่างข่า ตะไคร้ พริกสด แทนการปรุงเค็ม
⚖️ ฟอสฟอรัส: แร่ธาตุที่ต้องจับตามอง
ฟอสฟอรัสคือแร่ธาตุที่คนส่วนใหญ่ไม่ทันระวัง
แต่สำหรับคนไตเสื่อม เมื่อขับออกไม่ได้ ฟอสฟอรัสจะสะสมและทำให้
- กระดูกบาง
- คันผิวหนัง
- และเพิ่มความเสี่ยงของ โรคหัวใจ
🧀 แหล่งฟอสฟอรัสที่ควรระวัง:
- โปรตีนสัตว์ (โดยเฉพาะอวัยวะภายใน)
- นมและผลิตภัณฑ์นม
- ผงฟูในเบเกอรี่
- อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก ลูกชิ้น ขนมขบเคี้ยว
🔸 คำแนะนำ:
- จำกัดฟอสฟอรัสเหลือ ไม่เกิน 800–1,000 มก./วัน
- ใช้โปรตีนจากไข่ขาวแทนไข่ทั้งฟอง
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์นม ใช้นมทางเลือกที่ไม่เติมฟอสเฟต
🍳 โปรตีน: ไม่ได้งด แต่อย่ากินเกิน
หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นโรคไตต้อง “งดโปรตีน” ซึ่งไม่ถูกต้องเสียทีเดียว
เพราะโปรตีนยังจำเป็นต่อการซ่อมแซมร่างกาย เพียงแค่ต้อง “ควบคุมปริมาณ”
👨⚕️ ผู้ป่วยไตระยะ 3 ควรกินโปรตีนประมาณ 0.6–0.8 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน
ตัวอย่าง:
- น้ำหนัก 60 กิโลกรัม = โปรตีน 36–48 กรัมต่อวัน
💡 เทียบง่าย ๆ:
- ไข่ขาว 1 ฟอง = โปรตีนประมาณ 3.5 กรัม
- อกไก่ 50 กรัม = โปรตีนประมาณ 11 กรัม
🔸 คำแนะนำ:
- เลือกแหล่งโปรตีนไขมันต่ำ เช่น ไข่ขาว, ปลาเนื้อขาว, เต้าหู้
- กระจายการกินโปรตีนในแต่ละมื้อให้พอดี
- หลีกเลี่ยงการกินโปรตีนทีเดียวปริมาณมาก เพราะจะทำให้ไตทำงานหนักเกินไป
💧 น้ำ: ต้องสมดุล
การดื่มน้ำสำหรับผู้ป่วยโรคไตไม่ใช่ยิ่งเยอะยิ่งดี
- หากยังปัสสาวะได้ปกติ อาจดื่มน้ำได้ตามความเหมาะสม
- แต่ถ้าเข้าสู่ระยะที่ไตเสื่อมหนัก (หรือมีอาการบวมน้ำ) ต้องควบคุมการดื่มน้ำอย่างเคร่งครัด
🔸 เคล็ดลับ:
- สังเกตปัสสาวะและอาการบวม
- ปรึกษาแพทย์หรือนักกำหนดอาหารเพื่อกำหนดปริมาณน้ำที่เหมาะสม
✅ สรุปภาพรวมการบริหารโภชนาการสำหรับผู้ป่วยไต
|
ปัจจัยที่ควบคุม |
คำแนะนำหลัก |
|
โซเดียม |
ไม่เกิน 1,500 มก./วัน, เลี่ยงซอสปรุงรสทั่วไป |
| ฟอสฟอรัส |
ไม่เกิน 800–1,000 มก./วัน, หลีกเลี่ยงนม-ไส้กรอก |
| โปรตีน |
ควบคุมตามน้ำหนักตัว, เน้นไข่ขาว |
|
น้ำ |
ดูตามอาการ ปรึกษาแพทย์ |
ทำอาหารไทยให้อร่อย และปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยโรคไต
การดูแลผู้ป่วยโรคไตผ่าน “อาหารไทย” ไม่ใช่เรื่องไกลตัวหรือยากเกินไป หากเราเข้าใจหลักโภชนาการและรู้จัก “ปรับเปลี่ยนอย่างสมเหตุผล” โดยไม่ต้องเสียรสชาติอันคุ้นเคยของอาหารไทยไปทั้งหมด
แม้เมนูดั้งเดิมหลายอย่างอาจเต็มไปด้วยโซเดียมสูง ฟอสฟอรัสซ่อนเร้น และโปรตีนมากเกินจำเป็น แต่เราสามารถ ปรับสูตร ให้เข้ากับสุขภาพของผู้ป่วยได้ เช่น:
- ใช้น้ำมันรำข้าวหรือน้ำมันมะกอกแทนน้ำมันทั่วไป
- ปรุงรสด้วยเครื่องเทศธรรมชาติ เช่น ขิง ตะไคร้ ใบมะกรูด
- ใช้ “เครื่องปรุงรสโซเดียมต่ำ หรือสูตรไม่มีเกลือ”
- ลดปริมาณเนื้อสัตว์ลง และใช้ “ไข่ขาว” หรือ “เต้าหู้ขาว” แทนบางส่วน
สิ่งสำคัญคือไม่เน้นแค่การหลีกเลี่ยง แต่ต้อง “สร้างทางเลือกใหม่” ให้ผู้ป่วยกินได้อย่างมีความสุข ทั้งยังส่งผลดีต่อการควบคุมระดับความดัน ความสมดุลของแร่ธาตุ และการชะลอภาวะไตเสื่อม
🍲 แบรนด์ NIZE กับแนวทางสำหรับผู้ป่วยโรคไต
เพื่อช่วยให้การกินอาหารของผู้ป่วยโรคไตง่ายขึ้น “แบรนด์ NIZE” ได้พัฒนาชุดเครื่องปรุงและผงปรุงรสเพื่อสุขภาพที่สามารถใช้ประกอบอาหารไทยได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องโซเดียมหรือฟอสฟอรัสสูง เช่น:
- ซอสอเนกประสงค์
- ผงปรุงรสสูตรโซเดียมต่ำ
- น้ำจิ้มสูตรคลีน ที่เหมาะสำหรับใช้กับเมนูโปรตีนต่ำ
✅ เหมาะกับผู้ป่วยระยะเริ่มต้นถึงระยะ 3
✅ ใช้ต่อเนื่องได้ในชีวิตประจำวัน
✅ ช่วยคงความอร่อยของอาหารไทยอย่างปลอดภัย
สามารถสอบถามหรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.nizeseasonings.com หรือ LINE Official ของแบรนด์
Nize Seasonings ผงปรุงรสคลีน 100% เพื่อคนรักสุขภาพ
“เจ้าแรกในไทย”
HAVE A NIZE LIFE, HAVE A NIZE MEAL, FOR ALL THE DISHES YOU LOVE
🔍 แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
- กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
- https://www.rama.mahidol.ac.th
- https://www.vimut.com/article/food-for-kidney-disease-patients
- https://greenandorganic.in.th/kidney-food/
- https://www.phyathai.com/th/article/confidential-menu-for-kidney-patientspyt2
- https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/food-for-kidney
- https://www.centurycareth.com/post/ค่า-k-โพแทสเซียม-กับโรคไต
- https://www.princsuvarnabhumi.com/articles/content-kidney-disease

สินค้าทั้งหมด
ผงปรุงรสคลีน
น้ำพริกคลีน
เครื่องปรุงแบบขวด
เมนูอาหารคลีน
เมนูอาหารคีโตเจนิค
วิดีโอ เมนูอาหาร
